ประชุมบริหารประจำเดือน ตุลาคม 2566 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชา ติดตามความคืบหน้าตามข้อสั่งการ อบรมความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้ง สอบถามทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด
- Super User
- กลุ่มงานธุรการ
- Read Time: 1 min
- Hits: 147
วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 เวลา 13.00 น.
พ.ต.ท.มหพล มีเสน รอง ผกก.(สอบสวน)หน.งานฯ สน.จักรวรรดิ
อบรมเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เกี่ยวกับ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕
- บทนิยามคำว่า “ปรับเป็นพินัย หมายถึง การสั่งให้ผู้กระทำความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
- ความผิดทางพินัย หมายความว่า การกระทำหรืองดเว้นกระทำ อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎหมายนั้นบัญญัติให้ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย
- ค่าปรับเป็นพินัย คือ เงินค่าปรับที่ต้องชำระให้แก่รัฐ ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่จะนำมาใช้แทนโทษทางอาญาสำหรับผู้กระทำความผิดไม่ร้ายแระง และโดยสภาพ ไม่กระทบต่อความมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างร้ายแรงหรือไม่กระทบต่อส่วนรวมอย่าง
- ความผิดทางพินัย มีกรชำระค่าปรับเป็นพินัยตามจำนวนเงินที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำหนดเท่านั้น ไม่มีการจำคุก หรือกักขังแทนค่าปรับ
- หลักการพิจารณาความผิดทางพินัย ให้พิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพความผิดแลกำหนดค่าปรับให้เหมาะสมกับฐานะของผู้กระทำความผิด โดยจะให้ผ่อนชำระเป็นรายงวดก็ได้
- กำหนดให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำความผิดทำงานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์แทนค่าปรับได้ในกรณีผู้กระทำความผิดไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระค่าปรับได้
- กำหนดให้เจ้าหน้าที่ขอบรัฐ ที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมาย เป็นผุ้มีอำนาจปรับเป็นพินัย รวมทั้งมีหน้าที่และอำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด แต่มิได้กำหนดให้มีอำนาจจับกุมหรือควบคุมตัวผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด
- กรณีไม่ชำระค่าปรับเป็นพินัยภายในระยะเวลา ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ สรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐาน และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลต่อไป
- เปลี่ยนโทษทางปกครอง เป็นโทษปรับเป็นพินัย ยกเว้น โทษทางปกครองที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผน่ดินและการปรับที่เป็นมาตรการในการบังคับทางปกครอง
- เปลี่ยนโทษทางอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียว เป็นความผิดทางพินัย
พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็น กฎหมายใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก จึงให้ข้าราชการตำรวจทุกนาย ไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถนำไปใช้ หรือแนะนำประชาชนได้อย่างถูกต้อง ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป